DAY 3 เดินทางออกจาปูนาคา กลับ ทิมพู ระหว่างทางโชคดีมากได้เจอตลาดพื้นเมือง เลยแวะหน่อย มันมีความพื้นเมืองมาก ชาวบ้านเอาผลผลิตการเกษตรมาขาย ทุกอย่างดูเรียบง่าย พวกเนื้อสัตว์ ก็หั่น ชั่ง ขาย กันตรงนั้น นี่ไม่กล้าดู พอกลับมาถึงในเมืองทิมพู วันที่รอคอยก็มาถึง ได้ใส่ชุดประจำชาติภูฎาน ชุดผู้หญิงเค้าเรียกว่า คีรา ส่วนชุดผู้ชายเรียกว่า โก พอเย็นเราต้องรีบเดินทางไปเมืองพาโร เพื่อเตรียมตัวขึ้นเขาทักชัง (Taktshang Monastery) คืนนี้นอนที่โรงแรม Olathang ความสนุกของที่นี่ก็มีมาให้เล่า ด้วยความที่เค้าใช้เครื่องปั่นไฟ มันก็จะติดๆดับๆหน่อย และเครื่องทำน้ำร้อนคือพีคมาก ถ้าโมอาบน้ำคนแรก แปลว่าคนที่อาบต่อจากโมต้องรอ 45 นาที น้ำถึงจะอุ่นอีกรอบ ไม่งั้นแข็งตายจ้า หรือไม่โมก็ต้องอาบนิดเดียว กะเอาครึ่งๆก็ได้ เพื่อให้อีกตนอาบต่อได้ ตอนแรกก็ไม่รู้ไง เปืดน้ำแช่เท้าด้วยจ้าาา น้ำร้อนหมด ทำคนอื่นซวยจ้าา 55555555555555 อีกเรื่องก็คือกินข้าวอยู่ในห้องอาหาร ไฟดับ ดับที่นี่คือมืดบอดจริงๆ เค้าก็มาจุดเทียนให้ กินข้าวท่ามกลางแสงเทียน บันเทิงไปอีกแบบ
DAY 4 วันนี้ที่รอคอยก็มาถึง ไฮไลท์ของการมาภูฎาน ถ้าใครไม่ได้มาที่นี่ถือว่ามาไม่ถึง การขึ้นเขาทักซัง (Takshang) ไกด์ให้เราไปตอนเช้า เพราะมันใช้เวลาทั้งวัน ไปถึงจุดเริ่มต้นประมาณ 9 โมง มีทางเลือก2แบบคือ เดินขึ้นเองด้วยตัวเองตั้งแต่แรกจนจบ หรือขี่ม้าหรือลาไปครึ่งทาง ที่เหลือเดินต่อเอง ม้าหรือลามีค่าใช้จ่ายนะคะประมาณคนละ $20 แล้วแต่ดีลของทัวร์แต่บริษัท โมเลือกที่จะขี่ม้า เพราะอยากสบาย แต่มันก็ไม่ใช่อย่างที่คิด ไม่เข้าใจว่าม้านี่ชอบความท้าทายหรืออะไร ม้าชอบเดินใกล้ๆขอบเหว คือหวาดเสียวมาก กลับตัวก็ไม่ได้ โชคดีที่มีคนจูงให้สบายใจขึ้นหน่อย ม้าจะมาส่งเราได้แค่ Taktshang Cafe ซึ่งเราจะทานอาหารกลางวันที่นี่ (ไม่มีเนื้อสัตว์นะจ๊ะ) หลังจากนี้เราต้องเดินเท้าล้วนๆ ตลอดทางเดินฝุ่นค่อนข้างเยอะ พก mask มาด้วยก็ดี เดินไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก คำนึงถึงความปลอดภัยไว้ก่อนนะฮะ นอกจากทางเดินที่เป็นดินแล้ว ช่วงหลังจะเจอเป็นบันไดเลาะไปตาเขาก่อนจะถึงวัดทักซัง หรือ วัดถ้ำเสือ (Tiger Nest) โมก็แวะถ่ายรูปไปตลอดทาง พอมาถึงทางเข้าวัดทุกคนต้องฝากกล้องและมือถือไว้ในล๊อกเกอร์ให้หมด เพราะในวัดห้ามถ่ายรูป และต้องถอดรองเท้า ข้างในอากาศค่อนข้างเย็นนะคะ พอขากลับไกด์ให้เลือกว่าเราอยากจะกลับทางเดิมหรือทางลัด เราเลือกทางลัดชันหน่อยแต่ขอเร็ว ขากลับต้องเดินกลับเองตลอดทางนะคะ เค้าไม่ให้ขี่ม้าเพราะอันตราย พอลงจากทักชังรีบตรงกลับโรงแรมเลย เพราะตัวเละไปด้วยฝุ่นและเหงื่อ เนื่องจากวันนี้เป็นวันสิ้นปี เราจะนอนเฉยๆอยู่โรงแรมไม่ได้ เลยถามไกด์ว่ามีที่ไหนเค้า countdown กันบ้าง ไกด์เลยจัดให้พาไปบาร์ เรื่มต้นด้วยบาร์ และพอเริ่มดึกหน่อย ในร้านเดิมที่เรานั่ง เดินลึกเข้าไปมึบันไดลงไปชั้นใต้ดินเป็นคลับ ทุกคนแต่งตัวเต็มกันมาก เหมือนคลับในไทยหรือทั่วไปที่เราเคยเจอเลย ไม่เคยคิดว่าจะมีสิ่งนี้ซ่อนอยู่ เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่ countdown ในคลับ แม้แต่อยู่ไทยก็ไม่เคย เป็นอีก1ความประทับใจ และวันนี้เป็นวันพิเศษที่รัฐบาลให้ปิดเลทได้คือตี1 ทุกคนก็แยกย้ายกันเป็นระเบียบมาก
DAY5 วันนี้วันสุดท้ายแล้ว ตื่นมาคือร่างแหลกมาก ปวดขาปวดตัวไปหมดเลยบอกไกด์ว่าไม่อยากทำอะไรแล้ว ขอไปกินอาหารร้านที่ local สุดๆ เค้าก็เลยพาไป อาหารที่นี่เค้ากินข้าวเป็นหลักเหมือนบ้านเรา แล้วก็เป็นพวกแกงต่างๆ เหมือนอาหารไทยผสมอินเดีย เผ็ดๆ เน้นผักและชีส ส่วนเนื้อสัตว์ก็จะเป็นตากแห้ง มันก็จะแข็งๆหน่อย ไหนๆก็ไปแล้วอยากให้ลอง สำหรับคนที่ไปกรุ๊ปเล็กๆน่าจะสะดวกกว่า กินข้าวเสร็จก็ไปสนามบินเลย ก่อนกลับเราต้องทิปไกด์และคนขับรถนะคะ นี่ให้เป็นเงินภูฎานและเงินดอลล่าผสมกัน ให้ไกด์คิดเป็นเงินไทยประมาณ 2000บาท และคนขับรถ ประมาณ1000นิดๆ เพราะเค้าดูแลเราดีมากจริงๆ 🙂
จบทริปนี้แล้ว ภูฏานเป็นอีกหนึ่งประเทศที่โมแนะนำให้ไปสำหรับคนที่ชอบความเรียบง่าย สบายๆ ชอบเรียนรู้ผู้คนและวัฒนธรรมนะคะ สายช้อปไม่เหมาะน้าาาา ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าฮะ 🙂 ชอบก็ฝากกดแชร์กันด้วยนะคะ